หากคาดการณ์ว่าคนไทยจะติดเชื้อไวรัสครั้งนี้อย่างน้อย 15% คาดว่าตลาดของยาฟ้าทะลายโจรจะมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท และหากสถานการณ์เป็นเหมือนกับที่แพทย์บางท่านทำนายว่าในช่วง 3 เดือนข้างหน้าจะมีคนไทยครึ่งหนึ่งติดเชื้อหรือเสี่ยงว่าจะติดเชื้อ มูลค่าของตลาดยาฟ้าทะลายโจรในประเทศไทยจะมีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท

จากผลประโยชน์จูงใจดังกล่าว เราจึงเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่กระโจนเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ นอกเหนือจากมีหุ้นส่วนสำคัญอยู่ในบริษัทผลิตวัคซีนที่กลายเป็นวัคซีนหลักในประเทศไทย แม้จะมีข้อกังขาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวก็ตาม

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าคือความกังวลว่าบริษัทยักษ์ใหญ่จะเข้ามาครอบครองสิทธิในสายพันธุ์พืช หลังจากมีข่าวว่าหน่วยงานของรัฐและมหาวิทยาลัยหลายแห่งได้ปรับปรุงและคัดเลือกสายพันธุ์ฟ้าทะลายโจรที่มีเปอร์เซ็นต์ของสารแอนโดรกราโฟไลด์และอนุพันธ์  ตั้งแต่ 9-14%  โดยประมาณ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปที่อยู่ประมาณ 5%

ตัวอย่างเช่น กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่าสายพันธุ์พิจิตร 4-4 จะให้ผลผลิตเฉลี่ย 3,880 กิโลกรัมต่อไร่  มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ 12.20 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม อายุเก็บเกี่ยวที่ระยะออกดอก 50 เปอร์เซ็นต์ 82 วัน สายพันธุ์พิษณุโลก 5-4 ให้ผลผลิตเฉลี่ย 4,187 กิโลกรัมต่อไร่ มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ 8.89 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม อายุเก็บเกี่ยวที่ระยะออกดอก 50 เปอร์เซ็นต์ 77 วัน เป็นต้น

ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 ของไทย หากผู้ใดสามารถปรับปรุงสายพันธุ์ฟ้าทะลายโจรที่มีความใหม่ ผู้นั้นสามารถยื่นขอรับการคุ้มครองและมีสิทธิผูกขาดการขายสายพันธุ์ได้นาน 12 ปี แต่มีเงื่อนไขว่าผู้ต้องการยื่นขอรับการคุ้มครองจะต้องขออนุญาตและแบ่งส่วนแบ่งผลประโยชน์หากนำสายพันธุ์ที่มีอยู่เดิมนำไปพัฒนาปรับปรุงพันธุ์

กรมวิชาการเกษตร จะต้องระมัดระวังมิให้ผู้ใดหยิบฉวยสายพันธุ์ของเกษตรกร หรือที่หน่วยงานของรัฐ หรือมหาวิทยาลัยได้พัฒนาสายพันธุ์นำไปยื่นขอรับการผูกขาด เพราะจะกระทบต่อเกษตรกรและชุมชนซึ่งประสงค์จะปลูกสายพันธุ์ทะลายโจรที่มีคุณภาพเพื่อปลูกไว้ใช้ประโยชน์

แต่สิ่งที่น่าห่วงยิ่งกว่า คือหากประเทศไทยเข้าร่วม CPTPP สิทธิผูกขาดในสายพันธุ์ฟ้าทะลายโจรจะมิใช่แค่ครอบคลุมเฉพาะส่วนขยายพันธุ์เท่านั้น แต่ผู้ที่ได้รับสิทธิคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่จะมีอำนาจผูกขาดขยายไปถึงผลผลิต และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากพันธุ์พืชใหม่นั้นด้วย

นั่นหมายความหากมีการนำพันธุ์ฟ้าทะลายโจรที่บริษัทได้ขึ้นทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ไว้ เกษตรกร หรือชุมชนจะนำพันธุ์ดังกล่าวไปขยายพันธุ์ไม่ว่าจะโดยเมล็ดหรือนำไปปักชำต่อไม่ได้ ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์หรือต้นพันธุ์จากบริษัททุกครั้ง และเมื่อใดก็ตามที่บริษัทเห็นว่าสายพันธุ์ที่เกษตรกรปลูกได้มาไม่ถูกต้อง บริษัทสามารถยึดผลผลิต หรือยาฟ้าทะลายโจรได้ทั้งหมด เพราะถือว่าละเมิดสิทธิของบริษัท

หากเมล็ดพันธุ์หรือต้นพันธุ์ของบริษัทที่เกษตรกรนำไปปลูกต่อเกิดการกลายพันธุ์ไม่ว่าโดยวิธีใด หากบริษัทเห็นว่ายังมีลักษณะสำคัญของพันธุ์ฟ้าทะลายโจรที่บริษัทขึ้นทะเบียนไว้ สายพันธุ์เหล่านั้นจะยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทอยู่ดี

การยึดครองสายพันธุ์สมุนไพรจึงกลายเป็นการผูกขาดยาจากสมุนไพรไปในที่สุดนั่นเอง

ที่ใดมีวิกฤต ที่นั่นมีผลกำไร !