ท่ามกลางวิกฤตเชื้อเพลิงฟอสซิล ปุ๋ยเคมีมีราคาแพง และในโลกยุคใหม่ที่ผู้คนตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อม บริการกำจัดวัชพืชโดยให้เช่าแพะ กำลังเติบโตในหลายประเทศ เพราะแพะคือเครื่องจักรไร้น้ำมันที่กินแทบทุกอย่างที่ขวางหน้า ด้วยวิวัฒนาการของริมฝีปากที่แข็งแรงและตับที่สามารถจัดการกับสารพิษในพืช เช่น แทนนินได้ดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น ที่สำคัญคือมันไม่ต้องเติมน้ำมัน ไม่เสี่ยงต่อชีวิตของผู้ฉีดพ่น แถมยังเปลี่ยนวัชพืชเป็นปุ๋ยธรรมชาติทุกๆวันไปพร้อมๆกัน

ในแคลิฟอร์เนีย Matthew Richmond วัย 22 ปีและคู่หูของเขา Mike Canaday จัดตั้งบริษัท Rent a Goat ขึ้นเมื่อปี 2010 โดยเป็นพันธมิตรกับ Mullen เจ้าของปศุสัตว์เพื่อให้บริการเช่าแพะกำจัดวัชพืช แพะหนึ่งตัวกินวัชพืชได้ประมาณ 3.6 ก.ก/วัน ดังนั้น ฝูงแพะ 8-10 ตัวจึงสามารถจัดการพื้นที่กว้างขวางได้ในเวลาอันสั้น

รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นหนึ่งในรัฐที่เข้มงวดเกี่ยวกับการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาราควอต หน่วยงานที่ดูแลป่าไม้และทรัพยากรจึงเลือกใช้บริการ Rent a Goat เพื่อลดความเสี่ยงการสะสมของวัชพืชที่เป็นเชื้อไฟป้องกันไฟป่า

Richmond บอกว่าการเลือกใช้วิธีนี้ในหลายกรณีต้นทุนในการจัดการวัชพืชต่ำกว่าวิธีการใช้สารเคมีฉีดพ่นถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว Rent a Goat มีรายได้ในช่วงเริ่มต้นประมาณ 19 ล้านบาทต่อปี กิจการของเขาเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความตื่นตัวเรื่องผลกระทบของสารเคมีกำจัดวัชพืชอย่างไกลโฟเซตกลายเป็นข่าวใหญ่ ผลประกอบการล่าสุด รายได้ของบริษัทปีล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 68 ล้านบาท และมีฝูงแพะกำจัดวัชพืชเพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ตัว บริษัทได้รับการยกย่องเป็น 100 บริษัทยอดเยี่ยมของสหรัฐ

ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย Arnold เริ่มธุรกิจของเขาเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว หลังจากถูกขอให้คิดวิธีจัดการวัชพืชบนพื้นที่ 120 เฮกตาร์ เขาโน้มน้าวให้รัฐบาลท้องถิ่นพูดถึงข้อดีของการกำจัดวัชพืชของเขาก่อน ก่อนที่จะบอกว่าเครื่องจักรและเทคโนโลยีการกำจัดวัชพืชสุดมหัศจรรย์ ที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน ไม่ก่อมลพิษ และแปลงวัชพืชเป็นปุ๋ยธรรมชาตินั่นคือ “แพะ”

ธุรกิจของ Arnold กำลังเฟื่องฟู เมื่อสารเคมีอย่างราวด์อั๊พลดความนิยม และแพะพันธุ์สายพันธุ์ “โบเออร์” เข้ามาทำหน้าที่แทน แพะของเขามีทุกขนาด แพะที่ตัวเล็กกว่าและอายุน้อยกว่าจะถูกใช้จัดการวัชพืชล้มลุกขนาดเล็ก ในขณะที่แพะตัวโตกว่าจะนำไปใช้งานที่ยากกว่ารวมทั้งไม้พุ่ม

ลูกค้าส่วนใหญ่คือ รัฐบาลท้องถิ่นที่มีพื้นที่สาธารณะขนาดใหญ่ที่ต้องดูแล กิจการรถไฟที่ต้องการการดูแลหญ้าและวัชพืชริมทาง ทั้งนี้รวมทั้งสวนสาธารณะ และบริเวณโรงเรียนที่ผู้คนต้องการวิธีการกำจัดวัชพืชที่ปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมี และเด็กๆก็ชอบมันด้วย

นอกเหนือจากกิจการดังกล่าวแล้ว Michael Blewitt เจ้าของกิจการ Dry Creek Farm ใน Mudgee ก็ให้บริการให้เช่าฝูงแพะเพื่อช่วยให้เจ้าของที่ดินจัดการกับปัญหาวัชพืชด้วยเช่นกัน

Blewitt เริ่มต้นกิจการจากการซื้อที่ดินประมาณ 81 ไร่ แต่ปวดหัวกับปัญหาวัชพืช เขาไม่ต้องการการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช แต่เลือกวิธีเกษตรกรรรมถาวร (permaculture)แทน โดยตัดสินใจซื้อแพะ 14 ตัว เพื่อกำจัดวัชพืช ซึ่งทำให้เขาได้ปุ๋ยธรรมชาติจากมูลของแพะไปพร้อมกันด้วย ตอนนี้ฝูงแพะของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 70 ตัว เขาจึงเริ่มต้นให้บริการกำจัดวัชพืชกับเกษตรกรรายอื่นๆด้วย

อิทธิพลของลานิญญ่าที่ทำให้ฝนมากขึ้นในออสเตรเลีย และการงอกงามของวัชพืชยามได้รับฝนทำให้งานของ Blewitt เพิ่มมากขึ้น โดยผู้ใช้บริการมีทั้งเกษตรกรตัวจริง และผู้ที่ทำเกษตรกรรมเป็นงานอดิเรกซึ่งต้องการมีใครสักคนมาช่วยแก้ปัญหาวัชพืช

ที่แคนาดา Conrad Lindblom เจ้าของกิจการ Rocky Ridge Vegetation Control เริ่มต้นให้เช่าแพะมานานกว่า 10 ปี เขาให้เช่าแพะซึ่งมีจำนวนกว่า 1,000 ตัว

ผู้ใช้บริการของเขาคือเมือง Kamloops ในรัฐ British Columbia ซึ่งข้อมูลระบุว่า การเลือกใช้บริการแพะกำจัดวัชพืช ประหยัดงบประมาณของท้องถิ่นได้ครึ่งหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับการกำจัดวัชพืชแบบเดิม

Michael Blewitt with some of his goats at Strathfield girls high school, where the goats are being used to manage weed growth. Photograph: David Maurice Smith/Oculi

การให้บริการให้เช่าแพะกำลังขยายตัวออกไปในสหรัฐ แคนาดา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร ยุโรป รวมทั้งญี่ปุ่น สวนทางกับความนิยมในการใช้สารเคมีที่รัฐบาลในหลายประเทศตั้งเป้าหมายที่จะลดการใช้ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030

แนวความคิดนี้ได้รับความสนใจมากสื่อมวลชนและได้รับการขานรับจากสาธารณชน เพราะคนจำนวนมากเห็นว่ามัน “Cost-effective, eco-friendly, and super cute weeding” เหมือนสโลแกนของบริษัท Rent A Goat ของ Matthew Richmond
ในประเทศไทยมีการเลี้ยงแพะรวมกันประมาณ 1 ล้านตัว หากคิดเป็นน้ำหนักมูลแพะจะตกประมาณ 300,000 ก.ก./ปี หรือเทียบเท่ากับปุ๋ยยูเรีย 5,000 ก.ก. ปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟต 1,600 ก.ก. และปุ๋ยโปแตสเซียม (K2O) 4,500 ก.ก. ลดการนำเข้าปุ๋ยเคมีได้ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว
เกษตรกรจำนวนหนึ่งเลี้ยงแพะผสมผสานกับการทำสวนปาล์ม ยางพารา และผลไม้ อยู่แล้ว ซึ่งควรได้รับการสนับสนุนต่อไป

มีบริษัทเปิดใหม่มากมายที่เปิดให้บริการให้เช่าแพะเพื่อกำจัดวัชพืชในต่างประเทศ อีกไม่นานเราคงได้เห็นกิจการที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติและตอบโจทย์ของอนาคตเช่นนี้มากขึ้นในประเทศไทย

หากรัฐบาลยกเว้นภาษีนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม แก่กิจการสารเคมีกำจัดศัตรูพืชได้ ทำไมไม่ส่งเสริมการลงทุนและยกเว้นภาษี หรือให้การสนับสนุนกิจการสร้างสรรค์เช่นนี้


ที่มา :  https://www.rentagoat.com/
https://bit.ly/3N8Ngmg