พัฒนาการของระบบทุนได้ทำให้กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่มีบทบาทมากและรวมศูนย์มากขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายของการค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่(Modern trade) ซึ่งเริ่มต้นเมื่อประมาณ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา รูปแบบของค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ 3 รูปแบบที่มีอิทธิพลสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของการค้าสมัยใหม่ ได้แก่

  • ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (Supercenter) หรือ ไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket) เป็นร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิด และจำนวนมาก  เช่น บิ๊กซี เทสโก้โลตัส
  • Cash & Carry เป็นธุรกิจดิสเคาท์สโตร์ (Discount Store) จำหน่ายสินค้าคราวละมากๆในราคาขายส่ง เช่น  แม็คโคร
  • ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) หรือ Minimart พัฒนามาจากร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมหรือร้านขายของชำ (Grocery Store) ผสมผสานกับซูเปอร์มาร์เก็ตแต่มีขนาดเล็กกว่า เช่น เซเว่นอิเลฟเว่น และแฟมีลี่มาร์ท เป็นต้น

แม้ว่ากิจการเหล่านี้สามารถตอบสนองต่อความสะดวกสบายและวิถีชีวิตสมัยใหม่  แต่ทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมหลายประการ เช่น

  • ขณะนี้แม้มูลค่าตลาดของกิจการนี้จะมีสัดส่วนเกินครึ่งของมูลค่าทางเศรษฐกิจของค้าปลีกค้าส่งทั้งหมด  แต่สามารถจ้างงานได้เพียง 14% ของภาคเศรษฐกิจนี้ทั้งหมดเท่านั้น หากระบบการค้านี้ขยายตัวในระดับที่เกิดขึ้น จะส่งผลโดยตรงให้ประชาชน 2-3 ล้านคนต้องสูญเสียอาชีพ
  • กิจการค้าส่งและร้านสะดวกซื้อซึ่งเจ้าของกิจการมีธุรกิจครบวงจรในแนวดิ่ง (Vertical Integration) กล่าวคือเป็นผู้ผลิตทางการเกษตรเอง และมีโรงงานอาหารแปรรูปเอง จะเลือกผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากในเครือบริษัทของตนไปจำหน่าย ในกรณีนี้จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยอีกหลายล้านคน ทั้งผลกระทบที่เกิดจากการต้องสูญเสียอาชีพ ไปจนถึงการถูกเอารัดเอาเปรียบเพราะขาดช่องทางการจัดจำหน่าย ขาดอำนาจการต่อรอง
  • แม้จะดูเหมือนมีตราสินค้าเป็นจำนวนมาก แต่อาหารที่จำหน่ายในเครือข่ายค้าปลีกค้าส่งเหล่านี้จะขาดความหลากหลาย เนื่องจากส่วนใหญ่อาศัยวัตถุดิบจากระบบการผลิตแบบเชิงเดี่ยวของบริษัท มากกว่าการอาศัยวัตถุดิบและสินค้าที่หลากหลายมาจากท้องถิ่น
  • สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายในร้านสะดวกซื้อมีสัดส่วนจำนวนมากที่เป็นสินค้าที่ที่ไม่เกื้อกูลต่อสุขภาพ เช่น ขนมกรุบกรอบที่มีน้ำตาลและโซเดียมในปริมาณสูง ไปจนถึงอาหารประเภทแช่เย็น แช่แข็ง ซึ่งผ่านกระบวนการแปรรูปและการเติมสารปรุงแต่งรส สี สารกันบูดเพื่อถนอมอาหาร และอื่นๆ
  • เครือข่ายการค้าเหล่านี้เป็นระบบที่รวมศูนย์ มีการใช้พลังงานในการขนส่ง แปรรูป แช่เย็นแช่แข็ง สูงกว่าวิถีตลาดท้องถิ่นแบบเก่า
  • ระยะยาวสินค้าอาหารจะมีราคาแพงเพราะขาดการแข่งขัน ผู้ซื้อจำเป็นต้องซื้อในราคาแพง
  • เศรษฐกิจโดยรวมจะอ่อนแอ เพราะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปตกแก่กลุ่มผู้ประกอบการจำนวนน้อย

ที่มา: https://www.facebook.com/biothai.net