ขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนไทยที่การลงมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายในวันนี้ (23 พฤษภาคม 2561) ปฏิเสธการแบนสารพิษร้ายแรงทั้งพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขและคณะทำงานจาก 4 กระทรวงหลัก รวมทั้งประชาคมวิชาการจากหลายสถาบัน เป็นการตัดสินใจทางนโยบายที่เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ค้าสารพิษ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมโดยรวม สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศว่าจะนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ผลของการตัดสินใจนี้เป็นไปตามข้อเสนอของอนุกรรมการเฉพาะกิจฯซึ่งถูกตั้งขึ้นโดยมีตัวแทนที่มาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหลัก มีการใช้เอกสารที่เป็นข้อมูลล้าสมัยขัดแย้งกับข้อมูลเชิงประจักษ์และงานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับความเป็นพิษและผลกระทบจากสารพิษเหล่านี้ รวมทั้งมีกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียจากสมาคมอารักขาพืชไทย ซึ่งเป็นสมาคมการค้าของบริษัทสารพิษ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ร่วมอยู่ในกระบวนการตัดสินใจ ซึ่งอาจผิดกฎหมายวัตถุอันตราย มาตรา 12 ซึ่งระบุว่า “กรรมการผู้มีส่วนได้เสียเป็นการส่วนตัวเรื่องใด กรรมการผู้นั้นไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในเรื่องนั้น”

ผลการลงมติเช่นนี้สะท้อนโครงสร้างล้าหลังของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ไม่อาจปกป้องผลประโยชน์และสุขภาพของประชาชน แต่กลับเป็นเครื่องมือของกลุ่มบริษัทสารเคมีกำจัดศัตรูพืชซึ่งรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ

เครือข่ายฯขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาล สั่งการให้มีการทบทวนการลงมติที่เป็นไปอย่างไม่โปร่งใส บทบาทซ้อนทับ และมีผลประโยชน์ทับซ้อนนี้ของคณะกรรมการวัตถุอันตรายโดยเร็ว
โดยพร้อมกันนี้เครือข่ายฯจะขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมกันเลิกซื้อสินค้าและบริการจากบริษัทหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส และเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อแสดงเจตนารมณ์และผลักดันให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อปกป้องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของประชาชนทั่วประเทศร่วมกัน ตามวันเวลาที่จะประกาศต่อไป

เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง
23 พฤษภาคม 2561