ที่มา : https://www.facebook.com/itcacfs
มกอช. |
คำตอบ (ความเป็นจริง) |
1. ร่างกระทรวงนี้ มิใช่เป็นการกำหนดให้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ หรือ มกษ.9000 ทั้งฉบับเป็นมาตรฐานบังคับดังที่เข้าใจกัน แต่เป็นการกำหนดให้การติด “ฉลาก” สินค้าเกษตรอินทรีย์ เพื่อการค้าเป็นมาตรฐานบังคับ |
ถูกต้อง: เป็นการบังคับให้ติด "ฉลาก" สินค้าเกษตรอินทรีย์ ไม่ถูกต้อง: ยอมรับเฉพาะสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับรองมาตรฐานของกระทรวงเกษตรฯ และ IFOAM ส่วนมาตรฐาน Codex และ ASEAN ยังไม่มีใครนำมาใช้ ดังนั้น จึงไม่มีผลในทางปฏิบัติ |
2. ร่างกฎกระทรวงนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค รวมทั้งคุ้มครองเกษตรกรผู้ผลิตผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐาน ไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน แต่ทั้งนี้สินค้าที่ไม่ได้ติดฉลาก หรือผลิตเพื่อบริโภคเอง หรือค้าขายในวงจำกัดในท้องถิ่นไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานนี้ |
ไม่ถูกต้อง: การสร้างความมั่นใจกับผู้บริโภคว่า สินค้าที่ติดฉลากเกษตรอินทรีย์ได้ผลิตตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จริง (ก็ 25% ของ Organic Thailand และกว่า 50% ของ GAP ที่พบว่า ไม่เป็นจริง) การสร้างความมั่นใจกับผู้บริโภค ไม่ได้อยู่ที่การบังคับติด “ฉลาก” ผู้บริโภครู้ว่า ที่ไม่ติดฉลาก ก็คือ ไม่ได้รับรอง ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นเกษตรอินทรีย์จริง และผู้บริโภคไทยก็ยังรู้ว่า สินค้าที่ติดฉลากเกษตรอินทรีย์ (โดยเฉพาะ Organic Thailand) ไม่น่าเชื่อถือ เพราะระบบตรวจรับรองมีปัญหา ซึ่งแก้ไม่ได้โดยการบังคับติดฉลาก |
3. เหตุผลของการกำหนดมาตรฐานเรื่องนี้ เนื่องจากปัจจุบันพบว่า สินค้าที่จำหน่ายในประเทศที่ติดฉลากว่าเป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์จำนวนมาก ไม่ได้รับการรับรอง ซึ่งสินค้าที่ติดฉลากว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ที่วางจำหน่ายอาจมีมากกว่าครึ่งหนึ่ง ที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเกษตรอินทรีย์จริง และเหตุการณ์นี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหากไม่มีมาตรการกำกับดูแลที่ดีพอ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเสียความมั่นใจ |
ถูกต้อง: สินค้าที่ไม่ติดฉลาก ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเกษตรอินทรีย์จริง ไม่ถูกต้อง: การบังคับติดฉลากก็ยังคงไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเกษตรอินทรีย์จริง (ไปดูข้อ 2. ข้างต้น) |
4. มาตรฐานการติดฉลากสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยที่กำลังยกร่างนั้น ถือว่าเป็นกฎเกณฑ์การแสดงฉลากที่ยืดหยุ่นที่สุด โดยยอมรับการรับรองทั้งตามมาตรฐานของประเทศไทย มาตรฐานสากล และเป็นหนึ่งในกี่ประเทศที่ยอมรับระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม (PGS) ซึ่งกฎหมายของไทยที่กำลังยกร่างอยู่นี้ถือว่ายืดหยุ่นกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งกำหนดให้ต้องใช้เฉพาะมาตรฐานประทศเขาเท่านั้น |
ไม่ถูกต้อง: กฎเกณฑ์ของไทยยืดหยุ่นที่สุดสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ยอมรับระบบการตรวจรับรองกว่า 10 ประเทศ และที่สำคัญ คือ ในต่างประเทศ เมื่อได้รับการรับรองแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปขอขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานกลางแบบ มกอช. อีก ซึ่งเป็นการทำงานซ้ำซ้อน(เช่น ขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ Organic Thailand จากกรมการข้าว-กรมวิชาการ-กรมประมง เพราะระบบเกษตรผสมผสาน เสร็จแล้วต้องไปขอขึ้นทะเบียนกับ มกอช. อีก แบบนี้ไม่มีใครที่ไหนในโลกที่เขาทำกัน) |
5. ในส่วนของผลกระทบที่อาจมีต่อเกษตรกรและผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ผลิต ผู้ค้า ที่ปัจจุบันได้รับการรับรองมาตรฐานอยู่แล้ว แทบจะไม่ต้องมีภาระอะไรเพิ่มเติม โดยจะมีเพียงต้องมาแจ้งยืนยันการขออนุญาต ซึ่งปัจจุบันกำหนดค่าใบอนุญาตสำหรับเกษตรกรเพียง100 บาท ต่อ 3 ปี โดย มกอช. จะกำหนดวิธีการยื่นขออนุญาตให้สะดวกที่สุด เป็นภาระน้อยที่สุด ส่วนผลกระทบที่จะมีจริงๆ คงเฉพาะกับผู้ที่ปัจจุบันไม่ได้รับรองมาตรฐาน แต่มีการติดฉลากสินค้าที่ขายว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีเวลา 3-4 ปี ให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นได้ปรับตัว |
ไม่ถูกต้อง: ค่าธรรมเนียม 100 บาท/3 ปี เป็นแค่คำกล่าวของ เจ้าหน้าที่ มกอช. บางคน (ที่กล่าวในที่ประชุม แต่ไม่ได้มีผลผูกพัน อาจเบี้ยวได้) ในระเบียบปัจจุบันของกระทรวงคือ 10,000 บาท ไม่ถูกต้อง: ผลกระทบยังมีกับเรื่องของการติดฉลากทั้งหมด ซึ่งต้องเป็นไปตามข้อกำหนด (เช่น Q หกเหลี่ยม, ติดใบประกาศหน้าฟาร์ม-สถานที่ผลิต) ซึ่งสร้างความยุ่งยากให้กับกลุ่มเกษตรกรมากยิ่งขึ้น |
6. มกอช. มั่นใจว่าไม่ได้ทำความเสียหายให้แก่เกษตรอินทรีย์ไทย แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคและตลาดเกษตรอินทรีย์ทั้งในประเทศ และที่ส่งออกไปต่างประเทศ เป็นการคุ้มครองผู้ผลิตที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ให้ได้รับความเป็นธรรม เป็นการสนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งแก่วงการเกษตรอินทรีย์ไทย |
ไม่ถูกต้อง: ผู้บริโภคไทยไม่ได้มั่นใจกับ Organic Thailand หรือ ระบบการรับรองของราชการมากขึ้น ไม่ถูกต้อง: การส่งออกไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นการกล่าวอ้างว่า จะทำให้เกิดความมั่นใจกับตลาดส่งออกต่างประเทศ ไม่ถูกต้อง: ผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือ ไม่จำเป็นต้องคุ้มครองโดยระบบราชการ |
7. ร่างมาตรฐานดังกล่าวนี้ยังไม่ใช่ร่างสุดท้าย และอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น ซึ่ง มกอช.พร้อมที่จะนำข้อคิดเห็นที่ได้ไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้มาตรฐานที่กำหนดเป็นประโยชน์แก่วงการเกษตรอินทรีย์ของไทย และไม่สร้างภาระแก่ผู้เกี่ยวข้อง |
ไม่ถูกต้อง: กระบวนการรับฟังความคิดเห็นไม่โปร่งใส เที่ยงธรรมไม่ยอมรับฟังแนวทางอื่นในการแก้ปัญหาเกษตรอินทรีย์ไทย "คิดแต่ใช้อำนาจบังคับ ไม่ได้คิดสนับสนุน" |