เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมาก ในกว่า 400 เมือง 40 ประเทศทั่วโลก เช่น ในนิวยอร์ค ปารีส ดักกา โตรอนโต เมลเบิร์น ริโอเดอจาเนโร บัวโนสไอเรส เม็กซิโกซิตี้ การ์นาตากะ มอสโคว์ ลิสบอน วากาดูโก ฯลฯ ร่วมเดินขบวนต่อต้านบริษัทมอนซานโต้ ยักษ์ใหญ่ที่ผลิตทั้งสารเคมีกำจัดศัตรูพืช และผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์รายใหญ่ของโลก เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

มอนซานโต้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีภาพพจน์แย่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สารเร่งการเจริญเติบโตในสัตว์ ฯลฯ มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้รวมไปถึงการผลักดันพืชจีเอ็มโอ การต่อต้านการติดฉลากสินค้าดังกล่าว ตลอดจนการผลักดันกฎหมายสิทธิบัตรในสิ่งมีชีวิต การฟ้องร้องเกษตรกร ฯลฯ ได้สร้างความไม่พอใจแก่เกษตรกร และผู้บริโภคทั่วโลก จนทำให้เกิดการเดินขบวนต่อต้านบริษัทนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผู้บริโภคจำนวนมากรวมทั้งผู้มีชื่อเสียงในหลายแวดวงออกมาต่อต้านผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจีเอ็มโอ จนปัจจุบันมีรายงานว่าได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐแล้ว

น่าสนใจว่าการเดินขบวนต่อต้านมอนซานโต้ เกิดขึ้นในเดือนเดียวกันและระยะเวลาใกล้เคียงกันกับการรณรงค์ให้มีการงดซื้อสินค้าจากร้านสะดวกซื้อของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ เนื่องจากความไม่พอใจต่อการมีอำนาจเหนือตลาดและพฤติกรรมทางการตลาดที่เอาเปรียบผู้ประกอบการรายย่อย

มอนซานโต้และซีพีมีบางอย่างที่เหมือนกัน คือเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรและอาหารของโลก โดยมอนซานโต้เป็นยักษ์ใหญ่ของโลกด้านเมล็ดพันธุ์และสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ส่วนซีพีเป็นยักษ์ใหญ่ของโลกในเรื่องอาหารสัตว์และการผลิตและส่งออกกุ้ง/ไก่ รวมทั้งเป็นบริษัทที่ครอบครองตลาดเมล็ดพันธุ์และพันธุ์สัตว์รายใหญ่ของประเทศไทย

สองบริษัทนี้ผนึกกำลังกันในการผลักดันให้รัฐบาลไทยปลูกพืชจีเอ็มโอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งหากเป็นผลสำเร็จจะทำให้เมล็ดพันธุ์พืชทั้งหมดซึ่งเป็นรากฐานของระบบอาหารในประเทศไทยจะตกอยู่ภายใต้การผูกขาดของทั้งสองบริษัทนี้โดยสิ้นเชิง

การเดินขบวนต่อต้านมอนซานโต้ในด้านหนึ่งได้ส่งสัญญาณให้เจริญโภคภัณฑ์ต้องทบทวนการดำเนินธุรกิจที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม ตั้งแต่กรณีการมีส่วนร่วมในการปลูกข้าวโพดในพื้นที่สูง ความไม่เป็นธรรมในระบบเกษตรพันธสัญญา การรับซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์จากการประมงแบบทำลายล้าง ไปจนถึงการมีอิทธิพลเหนือตลาดในระบบค้าปลีกค้าส่ง ฯลฯ

ในอีกด้านหนึ่ง ความเคลื่อนไหวนี้จะทำให้ประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้ว่า เราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อสั่งสอน/ตอบโต้บริษัทใหญ่ๆที่ดำเนินกิจการที่ไม่เป็นธรรม โดยไม่ต้องรอคอยผู้มีอำนาจ