นับตั้งแต่เริ่มกิจการค้าขายเมล็ดพันธุ์ผักของร้านเจียไต้ บนถนนทรงสวัสดิ์ ย่านทรงวาด เมื่อปี 2464  บัดนี้ เจียไต๋หรือเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้กลายเป็นบรรษัทข้ามชาติที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารของภูมิภาคและของโลก ในธุรกิจอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ อาหารแปรรูป และค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้งนี้ไม่รวมถึงอุตสาหกรรมและบริการอื่นๆ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ครอบครองตลาดเกินครึ่งหนึ่งในกิจการเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดและเมล็ดพันธุ์ผัก มีอิทธิพลเหนือตลาดในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอาหารในร้านสะดวกซื้อ และห้างค้าส่งขนาดใหญ่

ซีพียังเป็นผู้ครอบครองตลาดในสัดส่วนอันดับหนึ่งเหนือกว่าบริษัทอื่นๆในกิจการปุ๋ยเคมี อาหารสัตว์ การผลิตไก่เนื้อ อาหารแช่เย็นแช่แข็ง ฯลฯ 

ขณะนี้ซีพียังขยายธุรกิจของตนออกไปมากยิ่งขึ้นและนำไปสู่การผูกขาดมากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมมือกับมอนซานโต้เพื่อผลักดันให้มีการปลูกพืชจีเอ็มโอในประเทศไทย การเจรจาเพื่อครอบครองกิจการไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เทสโก้-โลตัส  เป็นต้น 

หากปราศจากกติกาควบคุมกลุ่มทุนโดยสังคม การผูกขาดเช่นนี้จะนำไปสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่างสำคัญ 

แทบไม่เคยมีการหยิบยกกรณีการผูกขาดของเจริญโภคภัณฑ์ในระบบอาหารไปอภิปรายในสภา หรือการนำกฎหมายป้องกันการผูกขาดไปบังคับใช้อย่างจริงๆจัง ไม่ว่าจะเป็นในยุครัฐบาลพลเรือน รัฐบาลทหาร ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เนื่องจากอิทธิพลทางการเมืองของซีพีที่เชื่อมโยงกับพรรคการเมือง ระบบราชการ ระบบการศึกษา สื่อ และสถาบันต่างๆในสังคมไทย

การดำเนินการเพื่อให้เกิดระบบเกษตรและอาหารที่เป็นธรรม จะเกิดขึ้นได้จริง ต้องมาจากความตระหนักรู้ของประชาชน แล้วลุกขึ้นมาปฏิบัติการ ทั้งในวิถีชีวิตประจำวัน รวมไปจนถึงการเคลื่อนไหวทางสังคม หาใช่รอผู้หยิบยื่นให้แต่อย่างใดไม่

หมายเหตุ : 

1) ตัวเลขสัดส่วนการครอบครองตลาดของซีพีในรายงานจากแต่ละแหล่งยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ข้อมูลส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลภายในซึ่งบริษัทมักจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แผนภาพประกอบนี้จึงอาจมีการปรับปรุงแก้ไขต่อไป

2) อ่านซีรี่ส์ระบบอาหารที่เชื่อมโยงกับโพสต์นี้ได้ที่

https://www.facebook.com/biothai.net/photos/a.467826533255873/902216769816845/

https://www.facebook.com/biothai.net/photos/a.467826533255873/899599226745266/

ที่มา: https://www.facebook.com/biothai.net