เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai – PAN) จับมือนิตยสารฉลาดซื้อ แฉบริษัทยักษ์ดูปองท์ผู้ผลิตและนำเข้าเมโทมิล  ชักใยการเร่งผลักดันขึ้นทะเบียนเมโทมิล สารเคมีเกษตรอันตรายหลายประเทศเลิกใช้แล้ว ขณะที่ผลตรวจผักห้างก็ยังเจอเมโทมิลในถั่วฝักยาวเกินค่ามาตรฐานยุโรป สะท้อนมาตรฐานชีวิตคนไทยต่ำกว่ายุโรป
 

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค รายงานผลตรวจผักยอดฮิตในครัวเรือนไทย  7 ชนิด ได้แก่ กะหล่ำปลี คะน้า ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน ผักชี และ พริกจินดา จากห้างดังหลายห้าง ทั้งชนิดที่เป็น House  brand และตรารับรอง Q เจอสารเคมีอันตรายหลายชนิด เฉพาะอย่างยิ่งคาร์โบฟูราน และเมโทมิล ซึ่งเป็นสารเคมีเกษตรตัวที่เครือข่ายเกษตรทางเลือกเสนอให้ระงับการขึ้นทะเบียน ทั้งนี้แม้ไม่เกินค่ามาตรฐานประเทศไทย แต่ก็เกินค่ามาตรฐานยุโรป โดยผลการตรวจพบในถั่วฝักยาวด๊อกเตอร์ ผักชีห้างพารากอน และผักชีไร่ฐิติวันต์ คะน้าโฮมเฟรชมาร์ท และถั่วฝักยาวห้างเทสโก้  ซึ่งผลการตรวจนี้สะท้อนมาตรฐานการคุ้มครองสุขภาพคนไทยที่ต่ำกว่ายุโรป

นอกจากนี้ทั้งเมโทมิล และคาร์โบฟูราน ก็เป็นสารเคมีเกษตรที่ตรวจพบตกค้างเกินค่ามาตรฐานในผักที่ส่งไปยุโรปบ่อยครั้งที่สุด พร้อมเสนอว่าประเทศไทยควรปรับมาตรฐานการตกค้างของสารเคมีเกษตรให้เป็นมาตรฐานเดียวกับยุโรป

นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี ระบุดูปองท์ ผู้ผลิตและนำเข้าเมโทมิล อยู่เบื้องหลังการแถลงของสมาคมชาวสวนมะม่วงที่ออกมาผลักดันการขึ้นทะเบียนเมโทมิล ชี้บริษัทที่จัดแถลงข่าวเป็นพีอาร์ของดูปองท์ และเตือนให้สังคมไทยต้องร่วมกันจับตาข้าราชการของข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรบางคน ที่ขณะนี้ทำหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทสารเคมียิ่งกว่าประโยชน์และความปลอดภัยของเกษตรกรและผู้บริโภคที่ได้รับพิษภัยจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช  

นอกจากนี้ข้ออ้างเรื่องหากไม่อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเมโทมิลแล้วจะทำให้ส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกมะม่วงของไทยไปยังญี่ปุ่นนั้นเป็นการสร้างภาพเกินจริงโดยเอาเกษตรกรบางคนมาเป็นข้ออ้าง ทั้งๆ ที่มีสารตัวอื่นทดแทนได้ทั้งเคมีและอินทรีย์ ทั้งนี้หลายประเทศก็มีการห้ามใช้ และไม่อนุญาตให้มีการขึ้นทะเบียน โดยในกลุ่มประเทศอาเซียนมีสิงคโปร์ มาเลเซีย และกัมพูชา

และการที่บริษัทและเกษตรกรบางรายอ้างว่าเมโทมิลมีราคาแพงขึ้นสองเท่านั้นมีข้อสังเกตว่าก่อนหน้านี้มีการนำเข้าเมทโทมิลระหว่างเดือนมกราคม-สิงหาคม 2554 มากกว่า 2.4 ล้านกิโลกรัม ซึ่งมากกว่าปี 2553 ทั้งปีซึ่งนำเข้าเพียง 1.5 ล้านกิโลกรัมเสียอีก โดยเบื้องหลังของเรื่องนี้น่าจะเป็นกลยุทธ์ทางการค้าของบริษัทมากกว่า 

ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ทั้งกรมวิชาการเกษตร และรัฐบาลให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภคเหนือผลประโยชน์ของบริษัท และยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศในระดับที่ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ เช่น กลุ่มยุโรป ทางเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจึงเรียกร้องให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีประกาศห้ามใช้ และไม่อนุญาตให้มีการขึ้นทะเบียน เมโทมิล คาร์โบฟูราน ไดโครโตฟอส และอีพีเอ็น โดยทันที เพื่อปกป้องสุขภาพของเกษตรกรผู้บริโภค และรักษาตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทย

metomyl_mango